เข้าสู่ระบบ

Storytelling คือกุญแจสู่การสร้างแบรนด์ให้น่าติดตาม

Copilot_20250731_121547

ในบทความ

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางแบรนด์ถึงถูกพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่ไม่ได้ทุ่มงบโฆษณามากมาย
คำตอบก็คือ "เรื่องเล่า" ที่แบรนด์เลือกถ่ายทอดไปยังผู้บริโภค เพราะทุกวันนี้ การเล่าเรื่อง หรือ การสร้าง Storytelling ให้กับแบรนด์ กลายเป็นหนึ่งในเทคนิคทางการตลาดอันทรงพลัง ที่ช่วยสร้างการจดจำและเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่ง Storytelling คือการทำให้แบรนด์มีชีวิต สร้างอารมณ์ร่วม และทำให้แบรนด์เข้าไปนั่งอยู่ในใจของผู้บริโภคได้อย่างแนบเนียน

แล้ว Storytelling มีกี่ประเภท ควรเลือกใช้แบบไหน เพื่อทำให้แบรนด์ของคุณมีความน่าสนใจและน่าติดตามมากขึ้น วันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกัน

Storytelling คืออะไร ? ทำไมจึงสำคัญกับแบรนด์ยุคใหม่

Storytelling คือการเล่าเรื่องที่ไม่ใช่แค่การบอกข้อมูล แต่เป็นการใช้ศิลปะของการสื่อสาร เพื่อถ่ายทอดแนวคิด คุณค่า และตัวตนของแบรนด์ ผ่านโครงเรื่องที่มีจุดเริ่มต้น กลางเรื่อง และจุดจบอย่างมีทิศทาง

ในแง่ของการตลาด Storytelling คือการเปลี่ยนเนื้อหาธรรมดา ให้กลายเป็นเรื่องราวที่ผู้คนอยากฟัง อยากดู อยากติดตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของผู้ก่อตั้งแบรนด์ เบื้องหลังของสินค้า หรือแม้แต่ปัญหาเล็ก ๆ ที่ลูกค้าเจอ แล้วจึงบอกเล่าว่าแบรนด์เข้าไปช่วยเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นให้ดีขึ้นได้อย่างไร

ซึ่งการเล่าเรื่องที่ดีต้องไม่ซับซ้อน ต้องเชื่อมโยงกับลูกค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเมื่อแบรนด์สามารถเล่าเรื่องได้อย่างมีเสน่ห์ ลูกค้าก็จะไม่รู้สึกว่ากำลังถูกขายของอยู่ แต่จะรู้สึกเหมือนได้รู้จักแบรนด์ ได้เข้าใจแนวคิด จนกลายเป็นความอยากซื้อ อยากสนับสนุนแบรนด์มากขึ้น

เนื่องจากทุกวันนี้ ผู้บริโภคเต็มไปด้วยทางเลือกมากมาย มีโฆษณาผ่านตาตลอดเวลา การนำ Storytelling มาใช้ทำการตลาด จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์โดดเด่นและน่าจดจำ เพราะสุดท้ายแล้ว คนเรามักจดจำเรื่องราวได้ดีกว่าข้อมูล และรู้สึกผูกพันกับแบรนด์ได้ลึกซึ้งกว่าการขายตรงแบบทั่วไป

Storytelling มีกี่ประเภท ? เลือกแบบไหนให้เหมาะกับแบรนด์คุณ

แม้การเล่าเรื่องจะไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ก็มีแนวทางหลัก ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละแบรนด์ได้ ขึ้นอยู่กับว่าแบรนด์ของคุณต้องการสื่อสารสิ่งใดและสื่อสารกับใคร ดังนี้

1. Problem-Driven Storytelling


เป็นเทคนิคการเล่าเรื่องที่หยิบยกปัญหาที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายเจออยู่ และแบรนด์สามารถเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร เช่น ความยุ่งยากในการจัดส่งสินค้า ความล่าช้าจากระบบหลังบ้าน หรือการจัดการคำสั่งซื้อที่ซับซ้อน แล้วค่อย ๆ พาเข้าสู่วิธีที่แบรนด์เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ดีขึ้น

2. Value-Based Storytelling


เทคนิคการเล่าเรื่องประเภทนี้ จะเน้นการถ่ายทอดค่านิยมและอุดมการณ์ของแบรนด์ มากกว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการโดยตรง เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่มั่นคงในระยะยาว และต้องการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่ใส่ใจประเด็นสังคม เช่น ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียม การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นหรือธุรกิจขนาดเล็ก

3. Testimonial/Brand Origin Storytelling


Storytelling ประเภทนี้ คือการบอกเล่าที่มาของแบรนด์ ประสบการณ์จริง หรือเสียงจากลูกค้าจริง เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์มากขึ้น เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างความไว้วางใจในตลาด หรือกำลังจะเปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่ โดยอาศัยประสบการณ์จริงเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพ เช่น จุดเริ่มต้นของผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่มาจาก Passion, Pain Point ที่เข้าใจลูกค้า, เรื่องราวของลูกค้าที่ใช้แล้วเห็นผล หรือ เสียงสะท้อนจากผู้ใช้จริง

4. Emotional Storytelling

เรื่องเล่าที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ เป็นวิธีสร้างสายสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายได้ลึกซึ้งมากที่สุด เพราะอารมณ์คือสิ่งที่คนจดจำได้ดีกว่าข้อเท็จจริง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักแล้ว ยังทำให้แบรนด์เป็นที่รักและผูกพันกับกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย โดยอารมณ์ที่สามารถใช้ได้มีหลายรูปแบบ เช่น ความหวัง ความกลัว และแรงบันดาลใจ

5. Infotainment Storytelling


Infotainment Storytelling คือการผสมผสานระหว่าง Information (ข้อมูล) กับ Entertainment (ความบันเทิง) เป็นการให้ความรู้แบบสนุก ๆ เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ และทำให้แบรนด์ดูเข้าถึงง่าย มีความรู้ แต่ไม่เป็นทางการจนเกินไป ซึ่งเหมาะกับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เน้นเนื้อหาแบบไวรัล เช่น TikTok, IG Reel หรือ YouTube Shorts โดยเป้าหมายหลักคือการทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าได้อะไรบางอย่าง โดยไม่รู้สึกถูกสอนหรือถูกขาย ซึ่งเนื้อหาที่เหมาะกับแนวนี้ เช่น คลิปสั้นสอนแพ็กของ, ทริกสำหรับมือใหม่ในการเริ่มต้นขายของออนไลน์ และ เกร็ดความรู้ในการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ ฯลฯ

เทคนิคสร้าง Storytelling ให้น่าติดตาม

การเล่าเรื่องที่ดี ไม่ได้วัดกันที่ความสนุกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีแก่นเรื่องที่ชัดเจน มีเป้าหมาย และสื่อสารกับผู้ชมได้อย่างตรงใจ หากคุณอยากให้แบรนด์มีเรื่องเล่าที่น่าจดจำ ลองใช้เทคนิคต่อไปนี้เพื่อยกระดับการสร้าง Storytelling ให้ทรงพลังมากยิ่งขึ้น

1. วางโครงเรื่องอย่างมีทิศทาง


โครงเรื่อง คือหัวใจสำคัญของการเล่าเรื่อง เพราะเรื่องราวที่ไม่มีจุดเริ่มต้น จุดเปลี่ยน หรือจุดจบที่ชัดเจน จะทำให้ผู้ชมไม่เข้าใจว่าแบรนด์ต้องการสื่ออะไร โดยโครงเรื่องที่ดีควรมีองค์ประกอบหลัก 4 ส่วน ดังนี้

ปัญหา (Problem) : จุดเริ่มต้นที่กระตุ้นความสนใจ เช่น ปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผชิญ หรือ Pain Point ที่แบรนด์สามารถเข้าไปช่วยแก้ไข
แนวทางแก้ไข (Solution) : การแสดงให้เห็นว่าแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์เข้าไปมีบทบาทในสถานการณ์นั้นอย่างไร
จุดเปลี่ยน (Turning Point) : สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นและการสร้างอารมณ์ร่วม เช่น ความหวัง ความสำเร็จ หรือการเปลี่ยนแปลง ความสำเร็จ
(Success) : ตอนจบที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอิ่มใจหรือมีกำลังใจ ซึ่งจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์

2. ใช้ภาพ เสียง หรือวิดีโอ เพื่อเสริมอารมณ์ในการเล่าเรื่อง


Storytelling ไม่จำเป็นต้องเล่าผ่านตัวหนังสือหรือคำพูดเท่านั้น การใช้สื่อมัลติมีเดียอย่างภาพ เสียง เพลงประกอบ หรือวิดีโอสั้น ๆ จะช่วยปลุกอารมณ์ของเรื่องเล่าให้มีพลังมากขึ้น และสามารถดึงดูดความสนใจได้ดีขึ้น เช่น

ภาพถ่าย จะช่วยทำให้เรื่องดูมีตัวตนและเข้าถึงง่าย
วิดีโอ จะช่วยเล่าเรื่องได้ครบในเวลาอันสั้น และสามารถดึงอารมณ์ของผู้รับชมได้อย่างรวดเร็ว
เสียง เช่น เสียงบรรยาย เสียงเพลง หรือเอฟเฟกต์ สามารถสร้างบรรยากาศที่สอดคล้องกับอารมณ์ของเรื่องราวที่ต้องการนำเสนอ

3. ใช้ภาษาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย


การเลือกใช้ภาษาที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่เรื่องของคำศัพท์ แต่คือการสื่อสารด้วยน้ำเสียง ท่าที และข้อความที่เข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง เพราะแม้จะเล่าเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าพูดกับคนละกลุ่ม วิธีการใช้คำก็ต้องแตกต่างกัน เช่น

ถ้ากลุ่มเป้าหมายคือวัยรุ่น: เรื่องราวควรเล่าด้วยภาษาที่กระชับ ไม่เป็นทางการมากนัก อาจสอดแทรกคำฮิตหรือคำที่กำลังเป็นไวรัลในโซเชียล หรืออารมณ์ขันเบา ๆ

ถ้าเป็นแม่บ้านหรือคนในครอบครัว ควรใช้คำพูดที่อบอุ่น จริงใจ และสะท้อนปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ เพื่อให้ความรู้สึกว่าแบรนด์ เข้าใจชีวิตเขาจริง ๆ

ถ้าเป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการ คนกลุ่มนี้จะมองหาความน่าเชื่อถือและข้อมูลที่มีประโยชน์ ควรใช้ภาษาที่ชัดเจน มีโครงสร้าง และเน้นผลลัพธ์ เพื่อแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ และทำให้แบรนด์ดูเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการทั่วไป

4. มอบความจริงใจมากกว่าถ้อยคำหรือภาพลักษณ์ที่สวยหรู


ในวันที่ผู้บริโภคเห็นโฆษณานับร้อยต่อวัน สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่คำพูดสวยหรู แต่คือเรื่องจริงที่ทำให้รู้สึกว่าแบรนด์นี้เข้าใจเรา ซึ่ง Storytelling ที่ดีไม่จำเป็นต้องเล่าถึงสมบูรณ์แบบเสมอไป แต่แบรนด์ที่กล้าเล่าความจริงทั้งในวันที่ประสบความสำเร็จและวันที่ไม่ราบรื่น มักเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงใจคนได้มากกว่า เพราะทุกคนรู้ดีว่า ไม่มีใครหรือธุรกิจไหนที่ราบรื่นตลอดทาง การเล่าถึงจุดที่เคยผิดพลาด เคยล้ม เคยไม่พร้อม ไม่ใช่จุดอ่อน แต่สิ่งเหล่านี้คือหลักฐานของความพยายาม และเป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์ดูมีตัวตน มีความหมาย และน่าเชื่อถือ

การ Tie-in บริการ/สินค้าอย่างแนบเนียนด้วย Storytelling


สิ่งสำคัญของการทำ Storytelling ที่ได้ผล ไม่ใช่การขายตรงหรือการบอกตรง ๆ ว่าของเราดี แต่ต้องเป็นการสร้างบริบทกับแบรนด์ไว้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น ลองเล่าผ่านประสบการณ์ของแม่ค้าคนหนึ่งที่เคยจัดส่งของล่าช้า โดนลูกค้าร้องเรียนบ่อย จนมาเจอบริการจัดส่งที่เชื่อถือได้ สินค้าถึงไวขึ้น ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ยอดขายก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามมา เพราะเมื่อแบรนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องจริง แทนที่จะเป็นแค่โฆษณาตรง ๆ ว่าสินค้าหรือบริการดีอย่างไร กลุ่มเป้าหมายจะรู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจเขา และอยากเลือกใช้โดยไม่ต้องถูกบังคับนั่นเอง

ShipAny กับการสนับสนุนธุรกิจที่มีเรื่องเล่า


เบื้องหลังของทุกแบรนด์ล้วนมีเรื่องราว และ ShipAny เข้าใจสิ่งนั้นดี เราจึงออกแบบบริการส่งพัสดุที่ไม่ใช่แค่ขนส่งพัสดุ แต่เป็นการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีจากร้านค้าไปยังมือผู้รับได้อย่างไม่มีสะดุด ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ เป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจเล็ก ๆ หรือกำลังขยายร้านค้าออนไลน์ให้เติบโต ShipAny ก็พร้อมซัพพอร์ตในทุกขั้นตอน ด้วยระบบจัดส่งที่ยืดหยุ่นและทันสมัย เข้ากับหลากหลายประเภทธุรกิจ

● ระบบจัดส่งแบบ Drop-Off และ Pick-Up ที่สะดวกทั่วประเทศ เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ร้านค้าสามารถส่งคำสั่งซื้อได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียวในระบบหลังบ้าน แล้วระบบจะสร้างใบจัดส่งและจัดให้บริษัทขนส่งมารับพัสดุโดยอัตโนมัติ

● เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มขายออนไลน์ได้หลากหลาย ทั้ง Marketplace และ Social Commerce ใช้งานง่าย

● มีระบบ Tracking ที่โปร่งใส ลูกค้าสามารถติดตามพัสดุได้ทุกขั้นตอน แบบเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์ม ShipAny ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทั้งลูกค้าและร้านค้า

แบรนด์ไหนที่สามารถเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจ ควบคู่ไปกับการส่งมอบสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีความเป็นมืออาชีพ ย่อมสร้างประสบการณ์ที่ดีและน่าจดจำให้กับลูกค้าได้ในระยะยาว

เริ่มต้นสร้าง Storytelling ให้กับแบรนด์ของคุณตั้งแต่วันนี้ แล้วให้ ShipAny ช่วยดูแลขั้นตอนการจัดส่งของออนไลน์ เพื่อให้ทุกเรื่องราวที่คุณตั้งใจส่งต่อ เดินทางถึงมือลูกค้าได้อย่างราบรื่น พร้อมกับสร้างเส้นทางแห่งความประทับใจที่ไม่มีสะดุด

ข้อมูลอ้างอิง:

1. Storytelling คืออะไร พร้อมเคล็ดลับการเล่าเรื่องสำหรับธุรกิจยุคดิจิทัล. สืบค้นวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 จาก https://thedigitaltips.com/blog/marketing/what-is-storytelling/