รู้หรือไม่ ? ค่ากล่องส่งพัสดุที่ดูเหมือนไม่มาก อาจสะสมเป็นค่าใช้จ่ายแฝงที่เจ้าของร้านค้าออนไลน์มักมองข้าม หากจัดการไม่ดี อาจกระทบต้นทุนโดยตรง บทความนี้มาพร้อมกับ 5 วิธีประหยัดค่ากล่องส่งพัสดุ ที่จะช่วยให้คุณลดต้นทุนและเพิ่มกำไรได้มากขึ้น
เลือกกล่องพัสดุที่มีขนาดพอดีกับสินค้า
หนึ่งในวิธีประหยัดค่ากล่องส่งพัสดุที่เจ้าของร้านค้าออนไลน์มักมองข้าม คือ "ขนาดของกล่อง" เพราะถึงแม้ราคากล่องจะดูไม่แพง แต่หากเลือกกล่องใหญ่เกินไป นอกจากจะสิ้นเปลืองวัสดุแล้ว ยังส่งผลต่อค่าขนส่งโดยตรง เนื่องจากบริการขนส่งส่วนใหญ่มักคำนวณค่าบริการจาก “น้ำหนักปริมาตร (Volume Weight)” เป็นหลัก
วิธีหาน้ำหนักที่ใช้คำนวณค่าขนส่ง โดยเฉพาะการจัดส่งสินค้าที่ใส่กล่องพัสดุ จะใช้สูตรนี้ในการคำนวณเพื่อหาน้ำหนักปริมาตร
(กว้าง x ยาว x สูง(ในหน่วยเซนติเมตร)) ÷ 5000 หรือ 6000
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การที่เราใช้กล่องที่มีขนาดใหญ่กว่าสินค้า เมื่อคำนวณออกมาจะได้ค่าน้ำหนักที่สูงขึ้นกว่าน้ำหนักจริง ทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น เช่น สินค้าน้ำหนักเพียง 0.8 กก. แต่หากใช้กล่องใหญ่จนคำนวณน้ำหนักปริมาตรได้ถึง 2.5 กก. เท่ากับว่าเราจะต้องจ่ายค่าขนส่งในอัตรา 2.5 กก.
• วัดขนาดสินค้าจริงก่อนทุกครั้ง และเลือกกล่องที่มีขนาดใหญ่กว่าสินค้าเพียง 1-2 นิ้ว สำหรับใส่วัสดุกันกระแทก
• ใช้ซองหรือกล่องขนาดมาตรฐาน ตามที่ผู้ให้บริการขนส่งระบุไว้ จะช่วยให้คำนวณค่าจัดส่งได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ทำไมขนาดกล่องถึงส่งผลต่อค่าขนส่ง ?
วิธีหาน้ำหนักที่ใช้คำนวณค่าขนส่ง โดยเฉพาะการจัดส่งสินค้าที่ใส่กล่องพัสดุ จะใช้สูตรนี้ในการคำนวณเพื่อหาน้ำหนักปริมาตร
(กว้าง x ยาว x สูง(ในหน่วยเซนติเมตร)) ÷ 5000 หรือ 6000
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การที่เราใช้กล่องที่มีขนาดใหญ่กว่าสินค้า เมื่อคำนวณออกมาจะได้ค่าน้ำหนักที่สูงขึ้นกว่าน้ำหนักจริง ทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น เช่น สินค้าน้ำหนักเพียง 0.8 กก. แต่หากใช้กล่องใหญ่จนคำนวณน้ำหนักปริมาตรได้ถึง 2.5 กก. เท่ากับว่าเราจะต้องจ่ายค่าขนส่งในอัตรา 2.5 กก.
ส่งของยังไงให้ถูก ? แนวทางเลือกกล่องพัสดุให้พอดี
• วัดขนาดสินค้าจริงก่อนทุกครั้ง และเลือกกล่องที่มีขนาดใหญ่กว่าสินค้าเพียง 1-2 นิ้ว สำหรับใส่วัสดุกันกระแทก
• ใช้ซองหรือกล่องขนาดมาตรฐาน ตามที่ผู้ให้บริการขนส่งระบุไว้ จะช่วยให้คำนวณค่าจัดส่งได้แม่นยำยิ่งขึ้น
เลือกกล่องพัสดุให้เหมาะกับประเภทของสินค้า
การประหยัดต้นทุนในการจัดส่ง ไม่ใช่แค่การเลือกใช้กล่องขนาดเล็กที่สุดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับลักษณะของสินค้า เพราะหากเลือกกล่องผิดประเภท อาจทำให้ต้องใช้วัสดุกันกระแทกเพิ่มขึ้น หรือทำให้สินค้าเสียหายระหว่างทาง การจัดส่งอย่างมืออาชีพจึงเริ่มจากการเลือกประเภทของบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมที่สุด
• เสื้อผ้า / สินค้าน้ำหนักเบา
◦ ใช้ซองพลาสติกกันน้ำแทนกล่อง เพื่อช่วยลดน้ำหนักรวม และยังช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี
• อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ / เครื่องสำอาง
◦ ใช้กล่องขนาดพอดีกับสินค้า ร่วมกับบับเบิลกันกระแทก เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
• แก้ว / เซรามิก / ของตกแต่ง
◦ ควรใช้กล่องแบบลูกฟูกหนา หรือกล่องสองชั้น พร้อมวัสดุกันกระแทกที่มีความยืดหยุ่น เช่น ถุงลม
ตัวอย่างการเลือกบรรจุภัณฑ์ตามประเภทสินค้า
• เสื้อผ้า / สินค้าน้ำหนักเบา
◦ ใช้ซองพลาสติกกันน้ำแทนกล่อง เพื่อช่วยลดน้ำหนักรวม และยังช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี
• อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ / เครื่องสำอาง
◦ ใช้กล่องขนาดพอดีกับสินค้า ร่วมกับบับเบิลกันกระแทก เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
• แก้ว / เซรามิก / ของตกแต่ง
◦ ควรใช้กล่องแบบลูกฟูกหนา หรือกล่องสองชั้น พร้อมวัสดุกันกระแทกที่มีความยืดหยุ่น เช่น ถุงลม
ใช้วัสดุกันกระแทกที่มีน้ำหนักเบา
เมื่อต้องการส่งของอย่างปลอดภัย วัสดุกันกระแทกเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่เช่นเดียวกับกล่องพัสดุ — การเลือกใช้วัสดุที่ “มากเกินความจำเป็น” อาจกลายเป็นต้นทุนแฝงที่คุณไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเมื่อต้องจัดส่งสินค้าจำนวนมากหรือสินค้าที่มีน้ำหนักเบา
หลายคนเข้าใจว่าใช้วัสดุแน่น ๆ หนา ๆ จะช่วยให้สินค้าปลอดภัยที่สุด แต่ในความจริง การใช้วัสดุกันกระแทกที่มีน้ำหนักมากเกินไป เช่น กระดาษลังซ้อนกันหลายชั้น หรือโฟมอัดหนา อาจทำให้น้ำหนักรวมของพัสดุเพิ่มขึ้นจนกระทบค่าขนส่งทันที
• บับเบิลกันกระแทก
◦ ตัวเลือกยอดนิยมที่เบา ยืดหยุ่น และหาง่าย เหมาะกับสินค้าทั่วไป เช่น อุปกรณ์ไอที เครื่องสำอาง
• ถุงลมกันกระแทก
◦ เหมาะกับสินค้ามูลค่าสูงหรือของเปราะบาง เช่น แก้ว ไวน์ หรือกล้องถ่ายรูป
• กระดาษฝอย
◦ ใช้ในกรณีที่ต้องการความสวยงามร่วมด้วย เช่น การแพ็กของขวัญหรือสินค้าแบรนด์
หลายคนเข้าใจว่าใช้วัสดุแน่น ๆ หนา ๆ จะช่วยให้สินค้าปลอดภัยที่สุด แต่ในความจริง การใช้วัสดุกันกระแทกที่มีน้ำหนักมากเกินไป เช่น กระดาษลังซ้อนกันหลายชั้น หรือโฟมอัดหนา อาจทำให้น้ำหนักรวมของพัสดุเพิ่มขึ้นจนกระทบค่าขนส่งทันที
วัสดุกันกระแทกแบบไหนช่วยลดน้ำหนักและค่าส่งได้จริง
• บับเบิลกันกระแทก
◦ ตัวเลือกยอดนิยมที่เบา ยืดหยุ่น และหาง่าย เหมาะกับสินค้าทั่วไป เช่น อุปกรณ์ไอที เครื่องสำอาง
• ถุงลมกันกระแทก
◦ เหมาะกับสินค้ามูลค่าสูงหรือของเปราะบาง เช่น แก้ว ไวน์ หรือกล้องถ่ายรูป
• กระดาษฝอย
◦ ใช้ในกรณีที่ต้องการความสวยงามร่วมด้วย เช่น การแพ็กของขวัญหรือสินค้าแบรนด์
แพ็กสินค้าให้พอดีกับกล่อง เพื่อให้เหลือช่องว่างน้อยที่สุด
ช่องว่างภายในกล่องที่มากเกินไป อาจทำให้ต้องใส่วัสดุกันกระแทกเพิ่ม ดังนั้น การแพ็กสินค้าให้แน่นหนาและพอดีกับขนาดกล่อง จึงเป็นวิธีประหยัดค่ากล่องส่งพัสดุที่มีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งได้มากขึ้น
• วัดขนาดสินค้าให้แม่นยำ และบวกเผื่อเฉพาะส่วนกันกระแทก เช่น เลือกขนาดกล่องที่ใหญ่กว่าสินค้า 1-2 ซม.
• เลือกกล่องที่มีรูปทรงพอดีกับสินค้าโดยเฉพาะ
• ใช้วัสดุช่วยในการจัดวางสินค้าให้อยู่กับที่ เช่น กระดาษกันกระแทก
• แพ็กให้แน่นหนา แต่ไม่แออัด เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้า-ได้รับการกระทบกระเทือนจนเกิดความเสียหาย
แนวทางการแพ็กสินค้าให้พอดีกับกล่อง
• วัดขนาดสินค้าให้แม่นยำ และบวกเผื่อเฉพาะส่วนกันกระแทก เช่น เลือกขนาดกล่องที่ใหญ่กว่าสินค้า 1-2 ซม.
• เลือกกล่องที่มีรูปทรงพอดีกับสินค้าโดยเฉพาะ
• ใช้วัสดุช่วยในการจัดวางสินค้าให้อยู่กับที่ เช่น กระดาษกันกระแทก
• แพ็กให้แน่นหนา แต่ไม่แออัด เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้า-ได้รับการกระทบกระเทือนจนเกิดความเสียหาย
เปรียบเทียบราคาค่าส่ง และเลือกบริการที่เหมาะสมที่สุด
ในยุคที่บริการขนส่งมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นขนส่งด่วน หรือขนส่งธรรมดา การเปรียบเทียบราคาค่าส่งกลายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ชัดเจนและได้ผลที่สุดในการลดต้นทุนโดยไม่ลดคุณภาพการให้บริการ เพราะถึงแม้จะเป็นระยะทางเดียวกัน แต่ผู้ให้บริการแต่ละรายอาจมีราคาที่ต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ทั้งในแง่ของขนาดกล่อง น้ำหนักสินค้า จุด Drop-off หรือแม้แต่เวลารับ-ส่ง
ดังนั้น การเปรียบเทียบค่าขนส่งก่อนเลือกใช้บริการ จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยประหยัดต้นทุนได้อย่างเห็นผล โดยเฉพาะกับร้านค้าที่ต้องส่งของบ่อย ๆ การเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมกับขนาด น้ำหนัก และจุดหมายของพัสดุ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ในทุกขั้นตอน เพราะแม้ราคาค่าส่งแต่ละเจ้าจะต่างกันไม่มากในบางครั้ง แต่ในระยะยาว ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเหล่านั้น อาจช่วยเพิ่มกำไรหรือคืนทุนได้เร็วขึ้น
ดังนั้น การเปรียบเทียบค่าขนส่งก่อนเลือกใช้บริการ จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยประหยัดต้นทุนได้อย่างเห็นผล โดยเฉพาะกับร้านค้าที่ต้องส่งของบ่อย ๆ การเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมกับขนาด น้ำหนัก และจุดหมายของพัสดุ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ในทุกขั้นตอน เพราะแม้ราคาค่าส่งแต่ละเจ้าจะต่างกันไม่มากในบางครั้ง แต่ในระยะยาว ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเหล่านั้น อาจช่วยเพิ่มกำไรหรือคืนทุนได้เร็วขึ้น
การส่งพัสดุให้คุ้มค่าไม่ใช่เรื่องยาก หากรู้วิธีเลือกกล่องและจัดการขนาดสินค้าให้เหมาะสม เพียงนำ 5 เทคนิคนี้ไปปรับใช้ ก็สามารถลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจออนไลน์ที่มองหาบริการส่งพัสดุมืออาชีพ สามารถเช็กราคาค่าขนส่งที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ที่ ShipAny เราคือแพลตฟอร์มโลจิสติกส์ครบวงจรที่รวมผู้ให้บริการขนส่งชั้นนำระดับประเทศและระดับโลกไว้มากมาย ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนค่าขนส่งได้มากขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง
1. 7 วิธีแพ็คของส่งให้ถึงมือลูกค้าโดยไม่เสียหายประหยัดเวลาลูกค้าชอบ. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.ktc.co.th/article/knowledge/business/packaging-tips-for-online-shipping
สำหรับผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจออนไลน์ที่มองหาบริการส่งพัสดุมืออาชีพ สามารถเช็กราคาค่าขนส่งที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ที่ ShipAny เราคือแพลตฟอร์มโลจิสติกส์ครบวงจรที่รวมผู้ให้บริการขนส่งชั้นนำระดับประเทศและระดับโลกไว้มากมาย ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนค่าขนส่งได้มากขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง
1. 7 วิธีแพ็คของส่งให้ถึงมือลูกค้าโดยไม่เสียหายประหยัดเวลาลูกค้าชอบ. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.ktc.co.th/article/knowledge/business/packaging-tips-for-online-shipping